การแข่งขันเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ระหว่างนายคณิศร ขุริรัง เบอร์ 1 จากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร เบอร์ 2 จากพรรคเพื่อไทย เป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่น แต่กลับเป็นสนามที่มีการแข่งขันสูง ดุเดือด ไม่ต่างจากสนามระดับชาติ เพราะพรรคสีแดงมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาปราศรัยปลุกคนเสื้อแดงและสั่งห้ามแพ้ ส่วนพรรคสีส้ม ก็นำอดีตหัวหน้าพรรค และหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน มาช่วยหาเสียงจนวันสุดท้าย กระทั่งวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 เป็นวันเลือกตั้ง ชาวอุดรธานีออกมาใช้สิทธิกันอย่างคึกคัก กระทั่งเวลา 17.00 น.ปิดหีบและนับคะแนน ซึ่งนายศราวุธ มีคะแนนนำนายคณิศร ห่างออกไปเรื่อยๆ กระทั่งเวลา 20.00 น.นับคะแนนได้ 50 เปอร์เซ็นต์ นายศราวุธประกาศชัยชนะ โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร วีดีโอคอล มาแสดงความยินดี ส่วนนายคณิศรได้ประกาศยอมรับการพ่ายแพ้ และยินดีกับผู้ชนะ
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วน จ.อุดรธานีประกาศผลการนับคะแนนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วน จ.อุดรธานี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,240,166 คน มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 646,881 คน คิดเป็น 52.16 เปอร์เซ็นต์ บัตรดี 613,386 บัตร บัตรเสีย 18,945 บัตร บัตรไม่เลือกผู้สมัคร 14,550 บัตร ผู้มีคะแนนอันดับ 1 หมายเลข 2 นายศราวุธ เพชรพนมพร พรรคเพื่อไทย 327,487 คะแนน อันดับ 2 หมายเลข 1 นายคณิศร ขุริรัง พรรคประชาชน 268,675 คะแนน และอันดับ 3 หมายเลข 3 นายดนุช ตันเทิดทิตย์ อิสระ 17,224 คะแนน
น.ส.สมิหรา เดชะอังกูร ผอ.กกต.อุดรธานี เปิดเผยว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ครั้งนี้มีผู้มาใช้สิทธิ 52.16 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าครั้งก่อนมีผู้มาใช้สิทธิ 56 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีปัจจัยเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่บ้าง อาทิ การเลือกตั้งครั้งนี้มีเฉพาะนายกฯ ไม่มีการเลือกสมาชิกสภาอีก 42 เขต ทำให้ขาดแรงกระตุ้นในส่วนนี้ไป รวมไปถึงเป็นช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิต จะว่าน้อยไปหรือไม่ต้องถามชาวอุดรธานี ส่วนการร้องเรียนมี 2 เรื่อง เป็นการร้องเรียนทั้ง 2 ฝ่าย ก็ต้องเร่งรัดการสอบสวนให้เร็ว ตอนนี้กำลังรวบรวมรายละเอียด ซึ่งตามปกติหากไม่มีการร้องเรียน ก็จะประกาศผลภายใน 30 วัน หากมีการร้องเรียนต้องประกาศภายใน 60 วัน หากไม่ทันก็ต้องประกาศผลไปก่อน การสอบสวนก็ดำเนินการต่อไป
หลังจากได้รับชัยชนะนายศราวุธ เพชรพนมพร ว่าที่นายก อบจ.อุดรธานี ได้ขึ้นรถแห่ ขอบคุณชาวอุดรธานี ที่มอบความไว้วางใจให้เป็นนายก อบจ.อุดรธานี ไปตามถนนในเขตเทศบาลนครอุดรธานี หลังจากนั้นได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่สำนักงานพรรคเพื่อไทยว่า รู้สึกขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตนและพรรคเพื่อไทย กราบขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ออกมาเลือกและให้โอกาสตนมาทำงาน ส่วนเรื่อง งบประมาณของ อบจ.อุดรธานี ปี 2568 ซึ่งทำเสร็จแล้ว แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ เราจะทำให้ อปท.ทุกแห่งมีน้ำประปาสะอาดใช้ เพราะน้ำประปาไม่ทั่วถึง ไม่เพียงพอ ไม่สะอาด ยังมีคุณภาพไม่เพียงพอ
“ ส่วนพืชสวนโลกยังไม่ได้จัดสรรงบประมาณ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอยากให้ทาง อบจ.ช่วย ซึ่ง อบจ.ได้สนับสนุนเรื่องการปลูกต้นทองอุไร ซึ่งภารกิจของ อบจ.สามารถอุดหนุนได้ทั้งจังหวัดและ อปท.ขนาดเล็ก เช่นถนนมี อบจ.มีงบประมาณปีละ 400 ล้าน แบ่งเป็นก่อสร้าง 200 ล้าน ส่วนอีก 200 ล้านไปอุดหนุน อปท.ต่างๆ ที่มีงบประมาณไม่เพียงพอก็ได้มาขอที่ อบจ.เพราะ อปท.ขนาดเล็กจะไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เลย อบจ.ต้องเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งที่ผ่านมา นายกวิเชียร ขาวขำ ได้ช่วยอุดหนุนประมาณ 100 กว่าล้าน”
ส่วนนโยบายเดิมที่ดีอยู่แล้ว ก็จะดำเนินการต่อ เช่นการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อบจ.มีการซื้อที่ตรวจหาสารเสพติดให้ตำรวจปีละ 5 หมื่นชุด ซึ่งเพียงพออยู่แล้ว ส่วนการโอนย้าย รพ.สต.40 แห่ง ซึ่ง อบจ.จะไม่มีการจ้างแพทย์มาประจำ รพ.สต. แต่สิ่งที่จะทำคือการจะซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยที่ไม่ต้องให้แพทย์อยู่ประจำมาให้ รพ.สต. เพิ่มศักยภาพนำ อสม.มาอบรม ให้มาดูแลประชาชนแทนได้ เมื่อเครื่องมือตรวจและบอกว่าร่างกายเป็นอะไร ก็สามารถไปพบแพทย์แลจัดยามากินรักษาโรค ควบคุมอาหาร ประชาชนจะลดการเสี่ยงสโตก เครื่องมือทันสมัยควรไปอยู่ที่ รพ.สต.ทั้ง 46 แห่ง หมอเอาไว้ปรึกษาว่าเสี่ยงเป็นโรคอะไร
เรื่องการศึกษา มีโรงเรียน อบจ. 10 แห่ง มีห้องเรียนทันสมัย สิ่งที่ อบจ.ยังขาดคือหลักสูตรการเรียนการสอนที่ทันสมัย มีคุณภาพ มีตัวชี้วัดการสอบ ใน 4 ปีข้างหน้า จะให้นักเรียนสอบติดมหาวิทยาลัย โดยไปทำ MOU กับมหาวิทยาลัยดังๆ ตอนนี้รับโอนโรงเรียนมา 1 โรงเรียน จะมาทำเป็นโรงเรียนกีฬา ปี 2568 ทำเสร็จแล้ว ส่วนเงินงบประมาณสะสมที่ขาดทุนไป 80 ล้าน ตอนนี้หามาได้ 20 ล้านนั้น ถ้าพูดจริงๆ มันคือสินทรัพย์ 1500 ล้านคืออาคาร รถ เครื่องมือต่างๆ ของ อบจ.ไม่สามารถนำมาใช้ได้เลย
“ส่วนมีการปราศรัยโจมตีครอบครัว ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปราศรัยแล้ว เป็นเรื่องยาเสพติด เป็นเรื่องร้ายแรง หากใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว กระบวนการทางกฎหมายกับคนนั้นอยู่แล้ว สิ่งที่แจ้งความไปให้พิสูจน์กันตามขั้นตอนของกฎหมาย ยินดีให้ตรวจสอบ พิสูจน์เรื่องนี้ให้ชัดเจนไปเลย มันเป็นเรื่องร้ายแรง ตนต้องปกป้องชื่อเสียงของครอบครัว ภรรยา และลูก มันเกี่ยวข้องไปหมด หากผมพูดเรื่องแย่ๆ สื่อเอาไปออกกันทุกวัน ไปพูดเรื่องนี้ เหมือนจงใจให้ผมเป็นพ่อค้ายาเสพติดไปแล้ว มันร้ายแรง มีใครรับได้บ้าง เข้าใครคำว่าโดนยัดยา”
นายศราวุธ หรือป๊อบ เพชรพนมพร อายุ 54 ปี (เกิด 25 เมษายน พ.ศ. 2513) การศึกษา มัธยมโรงเรียนดอนบอสโกวิทยา จ. อุดรธานี , ปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน การคลัง การธนาคาร ม.อัสสัมชัญ และปริญญาโท สังคมสงเคราะห์ในกระบวนการยุติธรรม ม.ธรรศาสตร์ ด้านการเมือง สมาชิกสภา อบจ.อุดรธานี (รองประธานสภา อบจ.อุดรธานี) ปี 2544 , อดีต ส.ส.4 สมัย พรรคชาติพัฒนา 2544 , พรรคไทยรักไทย 2548 , พรรคเพื่อแผ่นดิน 2550 , พรรคเพื่อไทย 2554 เคยดำรงตำแหน่ง ผช.รมว.สาธารณสุข (สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์) , เลขาฯ รมว.สาธารณสุข (ประชา พรหมนอก) , รองเลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน , เลขาฯ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และประธานกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร
รัฐธนินท์อุดร